วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นมาในสมัยอยุธยา

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร วัดสวยเก่าแก่ในกรุงเทพฯ

ภายในวัดระฆัง มีพระอุโบสถที่สวยงาม เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 ประดิษฐาน หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระประธานค่ะ โดยเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาพระราชทานผ้ากฐิน ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที” จึงเป็นที่มาของชื่อพระประธานนั่นเอง

นอกจากนี้ ภายในอุโบสถยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวของต่างๆ ของพระพุทธเจ้า เป็นภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก หวยมีดี มีชีวิตชีวาอ่อนช้อย ซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 ในพ.ศ. 2465 ในช่วงบูรณะวัดระฆังแห่งนี้

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารหรือเรียกอย่างย่อ ๆ ว่า “วัดระฆัง” เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นมาในสมัยอยุธยา เดิมชื่อว่า “วัดบางหว้าใหญ่” ต่อมาในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวังใกล้ ๆ กัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการปฏิสังขรณ์วัดบางหว้าใหญ่พร้อมกับยกให้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร พอมาถึงในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 1 ได้มีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัด โดยตัวระฆังที่ขุดพบนั้น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปเก็บไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และทรงสร้างระฆังใบใหม่ชดเชยให้แก่วัดบางหว้าใหญ่ 5 ลูก พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” หากได้มีโอกาสไปสักการะ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” ต้นกำเนิดแห่งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ผู้คนรู้จักและศรัทธากันทั่วประเทศ และพระประธานภายในพระอุโบสถ เชื่อกันว่าจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดทั้งปี

เปิดบริการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.

โพสต์ที่น่าสนใจ