วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ศาสนสถานที่ได้รับการขนานนามว่า วัดเรืองแสง
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” ศาสนสถานที่ได้รับการขนานนามว่า “วัดเรืองแสง” ด้วยความวิจิตรที่เผยความเรืองรองปรากฏให้เห็นในยามค่ำคืน ทั้งนี้ฝากเป็นข้อมูลสำหรับนักเดินทางว่า หากต้องการชื่นชมความงดงามของการเรืองแสง ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ส่องสว่างใดๆ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขามองเห็นพระอุโบสถสีปัดทอง
พระอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่มีความกว้างมากกว่า 1 เท่า และความยาวมากกว่า 2 เท่า เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ เขยิบเข้ามาเป็นต้นมะขามป้อม ต้นสมอ และด้านในสุดเป็นต้นโพธิ์ ส่วนพระประธานมีผู้นำมาถวายวัด ดั้งเดิมนั้นเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่ช่างคุณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก แล้วแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์ไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน กลายเป็นพระประธานที่สวยงามแก่ผู้มาเห็นเป็นอย่างมาก หวยมีดี นอกจากสักการะพระประธาน ชมความงามของพระอุโบสถ และทัศนียภาพสวยงามของป่าเขาโดยรอบแล้ว สิ่งสำคัญไม่าควรพลาด คือ ช่วงเย็นที่จะมีปรากฏการณ์ “วัดเรืองแสง" ด้านหลังพระอุโบสถเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวที่มารอชม
ลวดลายเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมอยู่บนผนังด้านหลังของพระอุโบสถ รวมทั้งลวดลายบนพื้นรอบๆพระอุโบสถนั้นสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนได้แน่นอน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพต้นกัลปพฤกษ์ คือ ตั้งแต่เวลา 18.00 -20.00 น. สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” รอบต้น ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน